“ถ้า TikTok หายไป ผมคงคิดถึงคอนเทนต์สมองเน่า” ติ๊กต็อกเกอร์ชาวอเมริกันทำคลิปบอกลาแฟนๆ หลังอเมริกาออกกฎหมายแบน TikTok
...
Summary
- ปีที่ผ่านมา สภาลงนามแบน TikTok ด้วยข้ออ้างความมั่นคง โดยมีเงื่อนไขว่า หากจะมีการดำเนินธุรกิจต่อไป TikTok จะต้องมีคนอเมริกันถือหุ้นร่วมด้วย แต่บริษัท ByteDance ผู้ดูแลแอปฯ กล่าวว่า “เป็นเรื่องเป็นไปได้ยากและขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
- มีการยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์และศาลสูงสุด แต่ก็มีสัญญาณว่าศาลจะยืนยันตามกฎหมายรัฐบาลกลาง
- ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่คนใช้งาน แต่พื้นที่ทางการตลาดก็จะหายไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ประกอบอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์
- ทำให้ติ๊กต็อกเกอร์ชาวอเมริกันต่างโพสต์คลิปบอกลาแพลตฟอร์ม และให้ฟอลโลเวอร์ย้ายไปติดตามในแพลตฟอร์มอื่นๆ
...
“สวัสดีฮะทุกคน แล้วก็ลาก่อน” โลแกน ทอมป์สัน ติ๊กต็อกเกอร์ด้านเกมและคอมิกชาวอเมริกันโพสต์คลิปบอกลาผู้ติดตามจำนวนหนึ่งแสนคน “ด้วยการแบน TikTok ผมก็จะปิดมันตรงนี้แหละ นี่คือคลิปสุดท้ายของผม แม้ว่าผมจะพอมีไอเดียดีๆ อยู่สัก 2-3 คลิป แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะฉะนั้น ผมพอละ แค่นี้แหละ”
ในเดือนเมษายน ปี 2024 สภาลงนามตามกฎหมายในรัฐบาลกลางให้บริษัทจีน ByteDance เจ้าของ TikTok ขายแอปดังกล่าวให้กับบริษัทในสหรัฐฯ มิฉะนั้นจะถูกแบนโดยสมบูรณ์ ต่อมา ในเดือนธันวาคม บริษัท ByteDance ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ โดยอ้างว่าการขายหุ้นส่วนไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และกฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญสูงสุดของอเมริกา แต่ศาลยืนยันกฎหมายดังกล่าว โดยตัดสินว่ารัฐบาลมีเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติในการควบคุม TikTok ในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม บริษัท ByteDance ได้ยืนต่อสู้ในศาลสูงสุดเพื่อให้เกิดการระงับกฎหมายดังกล่าว แต่เมื่อวันที่ 10 มกราคม ปี 2025 มีสัญญาณการยืนยันกฎหมายจากศาลสูงสุด ตอนนี้เงื่อนไขจึงอยู่ที่ว่าหากบริษัท ByteDance ไม่สามารถหาผู้ถือหุ้นชาวอเมริกันได้ทันวันที่ 19 มกราคม ผู้ใช้งาน TikTok กว่า 170 ล้านยูสเซอร์ในอเมริกาจะหายไป
การหายไปของ TikTok จะส่งผลอย่างยิ่งต่อบรรดาผู้ทำการตลาด เอเจนซี และผู้ที่ยึดอาชีพครีเอเตอร์หารายได้เป็นหลัก แม้บริษัท ByteDance จะไม่เปิดเผยรายได้อย่างเป็นทางการ แต่ ไบรอัน วีเซอร์ นักวิเคราะห์และผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Madison and Wall ประมาณการว่า ในปีที่แล้ว TikTok สร้างรายได้จากการขายโฆษณาในสหรัฐอเมริกาได้ 8 พันล้านดอลลาร์ โดยไม่รวมอีคอมเมิร์ซ การให้ทิป และธุรกิจอื่นๆ และเม็ดเงินเหล่านี้อาจไหลไปสู่อินสตาแกรมและยูทูบ ซึ่งเป็นคู่แข่งของ TikTok มากขึ้น
“ผมมีผู้ติดตามครบ 30 ล้านคนแล้ว และอีก 10 วันข้างหน้า ผมอาจจะสูญเสียผู้ติดตามทั้งหมดไป” โจ เมเล ติ๊กต็อกเกอร์ วัย 26 ปีจากลองไอแลนด์กล่าว “มันน่ากลัวนิดหน่อย”
เคย์ พอยเออร์ ติ๊กต็อกเกอร์ เจ้าของแอคเคาต์ @ladymisskay_ ที่มีผู้ติดตาม 7 แสนคน ให้สัมภาษณ์กับ Dazed & Confused Magazine ว่า TikTok เป็นช่องทางรายได้หลักของเธอ “ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวคือการที่ต้องสร้างความมั่นใจว่าฉันมีเงินเพียงพอในระหว่างนี้” อย่างไรก็ตาม พอยเออร์ มีรายการพอดแคสต์ที่ชื่อว่า Meat Bus ที่กระจายตามแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งพอจะช่วยสร้างเงินอยู่ได้บ้าง เธอจึงย้ำว่า “ฉันจะกระจายแพลตฟอร์มต่างๆ ของฉันออกไปเพื่อที่ฉันจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหานี้อีก”
ในขณะที่ติ๊กต็อกเกอร์คนอื่นๆ ก็พยายามแก้ปัญหาการทำงานคอนเทนต์ของตัวเองอยู่เช่นกัน เอลิเซีย เบอร์แมน เจ้าของแอคเคาต์ @elysiaberman มีผู้ติดตามหนึ่งแสนคน กล่าวว่า
“ฉันพยายามจะย้ายผู้ติดตามของฉันไปที่อินสตาแกรมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วฉันก็แพลนที่จะเปิดยูทูบช่วงปีใหม่นี้ ทั้งสองแพลตฟอร์มต่างจาก TikTok มากเลย ยูทูบเป็นช่องทางสำหรับเนื้อหายาวๆ ส่วนอินสตาแกรมเป็นพื้นที่ที่ฉันทำคลิปแต่งตัวเป็นส่วนใหญ่ ฉันพูดเยอะในนี้ไม่ได้เหมือนที่ทำในติ๊กต็อก ก็เลยหวังว่ายูทูบจะช่วยลดช่องว่างนั้นได้นะ”
ในขณะที่คู่รักนักเต้น มาริเดธและออสติน เทเลนโก เป็นที่รู้จักใน TikTok ในชื่อ Cost n’ Mayor รู้สึกไม่กังวลต่อการหายไปของ TikTok แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างความสนใจได้มหาศาล หลังจากโรคระบาดเกิดขึ้นจนงานพวกเขาถูกยกเลิกหมด “งานในอุตสาหกรรมบันเทิงสอนให้รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มีจำกัด” มาริเดธกล่าว เธอเคยถูกถามในช่วงกักตัวว่า ชีวิตพวกเขาจะทำอย่างไรเมื่อไม่สามารถทำการแสดงได้ ในเวลานี้มันเกิดขึ้นอีกครั้งกับการแบนแพลตฟอร์มออนไลน์ มาริเดธจึงกล่าวว่า “ถ้า TikTok หายไป เราก็จะหาวิธีอื่นต่อไป”
สิ่งที่อาจส่งผลไม่แพ้กันคือ การส่งต่อวัฒนธรรมป๊อปที่ไหลเวียนอยู่ใน TikTok แม้ว่าจะเจอข้อครหาว่า แพลตฟอร์มแห่งนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาไม่พึงประสงค์ค่อนข้างมาก ถึงอย่างนั้น TikTok ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับผลงานอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเพลงเก่าที่ได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพราะมีคนเอามาเต้นใน TikTok หรือหนังสือที่ดังระเบิดระเบ้อ เพราะติ๊กต็อกเกอร์นำมารีวิว ไปจนถึงอาหารไวรัลที่ชาวเน็ตต้องตามหามาลิ้มรส
นิก เชโอ ดีเจติ๊กต็อกเกอร์ถึงขั้นกล่าวกับ Dazed & Confused Magazine ว่า “ถ้า TikTok หายไป ผมคงคิดถึงคอนเทนต์ ‘สมองเน่า’ (brain rot) แน่ๆ”
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Bloomberg กล่าวว่า จีนกำลังเล็งให้อีลอน มัสก์เข้ามาถือหุ้นบริษัท ByteDance ด้วย เพื่อต่ออายุให้กับ TikTok ในสหรัฐอเมริกา โดยแนวโน้มเกิดขึ้นจากที่มัสก์เคยแสดงความคิดเห็นว่า ไม่ควรมีการแบนแพลตฟอร์มดังกล่าว เนื่องจากขัดกับแนวคิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แม้ว่าการแบนนี้จะมีประโยชน์ต่อ X ก็ตาม ทั้งนี้ จีนยังไม่ได้อนุมัติว่าแผนการนี้จะเกิดขึ้นจริง
อ้างอิง: dazeddigital.com, nytimes.com, thairath.co.th
Thairath Online
สำรวจความสนใจด้านศิลปะและการบันเทิง
คุณสนใจเข้าร่วมกิจกรรมบันเทิงและศิลปะการแสดงประเภทใดบ้าง?
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล